ทำไมคุณจึงควรเลือกใช้ระบบ MES แทนที่ Excel ในกระบวนการผลิต
ปัจจุบันการแข่งขันทางธุรกิจทวีความเข้มข้นขึ้นอย่างต่อเนื่อง โรงงานอุตสาหกรรมจึงจำเป็นต้องอาศัยข้อมูลจำนวนมากเพื่อพัฒนาการผลิตให้มีประสิทธิภาพและแม่นยำสูงสุด การพึ่งพาโปรแกรม Microsoft Excel ในการบริหารจัดการข้อมูลและควบคุมกระบวนการผลิตทั้งหมด อาจไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจขนาดใหญ่ที่เติบโตอย่างรวดเร็วได้อีกต่อไป
เราจะพาคุณไปรู้จักกับ MES (Manufacturing Execution System) อีกหนึ่งระบบเฉพาะทางที่มีความสามารถครอบคลุม เป็นโปรแกรมใช้แทน excel สำหรับโรงงานที่มีความทันสมัย ช่วยให้คุณเพิ่มประสิทธิภาพและความแม่นยำในกระบวนการผลิตทุกส่วน และนำพาให้ธุรกิจเติบโตได้ในระยะยาว

ปัญหาการใช้งานระบบ Excel ในโรงงานอุตสาหกรรม
แม้ว่า Microsoft Excel จะเป็นเครื่องมือที่มีความยืดหยุ่นและสามารถใช้งานได้ง่าย แต่เมื่อกล่าวถึงการบริหารจัดการข้อมูลที่ซับซ้อนและปริมาณมากในกระบวนการผลิต การใช้งานโปรแกรม Excel อาจไม่เพียงพอต่อความต้องการขององค์กรขนาดใหญ่ และยังอาจส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในกระบวนการผลิตหลายส่วน เช่น
-
การจัดการข้อมูลปริมาณมาก โปรแกรม Excel อาจทำงานช้าลงและเกิดความเสี่ยงต่อข้อผิดพลาดในการประมวลผล
-
ความเสี่ยงจากข้อผิดพลาดของมนุษย์ การบันทึกข้อมูลด้วตนเอง อาจเกิดข้อผิดพลาดได้ง่าย และส่งผลกระทบต่อความแม่นยำภายใต้การทำงานในอุตสาหกรรมการผลิต
-
การตรวจสอบและติดตามที่ไม่ต่อเนื่อง โปรแกรม Excel ไม่มีความสามารถในการติดตามข้อมูลการผลิตแบบเรียลไทม์ ทำให้เกิดความล่าช้าในการตรวจสอบและปรับปรุงประสิทธิภาพและรายงานผล
-
การเชื่อมโยงข้อมูลกับระบบอื่น ๆ Excel อาจไม่สามารถทำงานร่วมกับระบบอื่น ๆ ได้อย่างสะดวกเท่าที่ควร เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้งานกับระบบ MES ที่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่า
ความหมายและความสำคัญของ MES System
MES (Manufacturing Execution System) คือระบบที่ถูกออกแบบมาเพื่อการบริหารจัดการกระบวนการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรมแบบอัตโนมัติ ซึ่งหน้าที่ของ MES system ครอบคลุมตั้งแต่การตรวจสอบประสิทธิภาพของเครื่องจักร การวางแผนการผลิต ไปจนถึงการติดตามสถานะสินค้าแบบเรียลไทม์ ผ่านการเชื่อมต่อข้อมูลกระบวนการผลิตทั้งหมดเข้าด้วยกัน
ความสำคัญของระบบ MES
ระบบ MES คือเครื่องมือที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมการผลิต การปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน ลดต้นทุนการผลิตสินค้า และมีส่วนช่วยด้านการควบคุมคุณภาพการผลิตในทุกขั้นตอน พร้อมการเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างระบบปฏิบัติการอื่น ๆ ส่งเสริมให้การผลิตมีประสิทธิภาพมากขึ้น และนำไปสู่การผลิตสินค้าที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด

ทำไม MES จึงสามารถเป็นโปรแกรมใช้แทน excel ได้ ?
ผู้ประกอบการสามารถการเลือกใช้งานระบบ MES แทนที่ Excel เพื่อยกระดับกระบวนการผลิตให้มีคุณภาพสูงยิ่งขึ้น ด้วยคุณสมบัติต่าง ๆ ของระบบ เช่น
-
การจัดการข้อมูลแบบเรียลไทม์ ทำให้บุคลากรสามารถตรวจสอบและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่การบันทึกข้อมูลด้วยโปรแกรม Excel มีความล่าช้ามากกว่า
-
ความแม่นยำและลดความผิดพลาด บุคลากรต้องกรอกข้อมูลบน Excel ด้วยตัวเองจึงมีโอกาสเกิดข้อผิดพลาดสูง แต่ถ้าสำหรับ MES ระบบจะดึงข้อมูลโดยอัตโนมัติ จึงมีโอกาสเกิดข้อผิดพลาดน้อยมาก
-
การบริหารการผลิตที่ครอบคลุมระบบ MES เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตเครื่องจักร ทั้งการตรวจสอบสถานะเครื่องจักร การตรวจสอบย้อนหลัง และการวิเคราะห์ข้อมูลในระบบโรงงานเพื่อใช้ในการตัดสินใจ
ตัวอย่างการใช้งาน MES แทนที่ Excel ในกระบวนการผลิต
ในอุตสาหกรรมการผลิตแบบดั้งเดิม หลายบริษัทอาจเลือกใช้งานโปรแกรม Excel ในการจัดการและบันทึกข้อมูลเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพของกระบวนการผลิต แต่ในยุคการทำงานดิจิทัลที่ข้อมูลเหล่านี้มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ผู้ประกอบการจึงควรแทนที่ Excel ด้วยระบบปฏิบัติการ MES ซึ่งสามารถทำงานได้หลายส่วน
รวมไปถึงการควบคุมกระบวนการทางสถิติ (SPC) ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการรักษาระดับคุณภาพสินค้า สร้างมาตรฐานในการผลิต ผ่านการใช้งานแผนภูมิควบคุม (Control Chart) และเข้ามามีบทบาทในกระบวนการผลิตหลายขั้นตอน ทั้งการตรวจสอบความต่อเนื่องและความแม่นยำในกระบวนการ หรือการค้นหาสาเหตุและป้องกันปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างการผลิต เพื่อยกระดับคุณภาพของสินค้าให้ดียิ่งขึ้น
ตารางเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างโปรแกรม Excel และระบบ MES
เมื่อเปรียบการใช้งาน Excel และ MES ท่านสามารถเห็นถึงข้อแตกต่างหลายส่วนในระบบการทำงานภายในโรงงาน ดังนี้
| ข้อแตกต่าง | Microsoft Excel | ระบบ MES |
| การจัดเก็บข้อมูล | เก็บข้อมูลในรูปแบบไฟล์ ทำให้มีความเสี่ยงต่อการสูญหายได้ง่าย | เก็บข้อมูลในระบบอย่างเป็นระเบียบและมีความปลอดภัย |
| ความแม่นยำของข้อมูล | ขึ้นอยู่กับการป้อนข้อมูลของผู้ใช้งาน จึงอาจเกิดข้อผิดพลาดได้ง่าย | บันทึกข้อมูลด้วยระบบอัตโนมัติ จึงมีความแม่นยำมากกว่า |
| การติดตามและตรวจสอบการทำงาน | ไม่มีฟังก์ชันการติดตามและตรวจสอบข้อมูลที่ครบถ้วน ผู้ใช้งานจึงต้องดำเนินการด้วยตนเอง | มีระบบติดตามและตรวจสอบแบบเรียลไทม์ โดยแสดงผลข้อมูลที่ชัดเจนและแม่นยำ |
| การวิเคราะห์ข้อมูล | มีเครื่องมือการวิเคราะห์พื้นฐาน แต่การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ทำได้ยาก | มีเครื่องมือสำหรับวิเคราะห์ข้อมูลที่ซับซ้อน ผู้ประกอบการสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ง่าย |
| การแสดงผลข้อมูล | แสดงผลผ่านกราฟและตาราง ซึ่งผู้ใช้งานต้องสร้างด้วยตนเอง | มีรายงานและสรุปที่แสดงข้อมูลแบบเรียลไทม์จากระบบอัตโนมัติ |
| การทำงานร่วมกับระบบอื่น ๆ | มีข้อจำกัดในการเชื่อมต่อกับระบบอื่น ๆ | สามารถเชื่อมต่อและทำงานร่วมกับระบบ ERP CRM และ IoT ได้อย่างราบรื่น |
| ต้นทุนการติดตั้ง | มีต้นทุนการติดตั้งโปรแกรมต่ำกว่า | ต้นทุนการติดตั้ง การปรับใช้ และฝึกอบรมสูงกว่า แต่มีความคุ้มค่าในระยะยาว |
| การรองรับข้อมูลเพิ่มขึ้น | อาจเกิดปัญหาด้านประสิทธิภาพการทำงาน หากข้อมูลมีจำนวนมากเกินไป | สามารถรองรับข้อมูลจำนวนมากได้อย่างมีประสิทธิภาพ |
บทสรุป ข้อดีของการใช้งานระบบ MES แทนที่ Excel
การใช้งานระบบปฏิบัติการ MES คือเครื่องมือที่เข้ามาแทนที่ Excel และยกระดับกระบวนการผลิตให้มีความแม่นยำ ยั่งยืน และทำให้ธุรกิจสามารถปรับตัวสู่โรงงานอัจฉริยะที่ทำงานด้วยระบบอัตโนมัติได้ ด้วยการพัฒนาการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและลดต้นทุนการทำงาน เพื่อให้ท่านสามารถกำหนดทิศทางของธุรกิจได้อย่างเหมาะสมมากที่สุด
หากว่าท่านต้องการติดตั้งระบบปฏิบัติการที่ช่วยพัฒนากระบวนการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ ARES เราคือผู้ให้บริการด้านซอฟต์แวร์ที่มีความเชี่ยวชาญอย่างมืออาชีพ พร้อมให้คำปรึกษาและติดตั้งระบบปฏิบัติการเพื่อการผลิตสำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญเพื่อนำพาธุรกิจของท่านก้าวสู่ Smart Factory อย่างเต็มรูปแบบ
ติดต่อเรา
คุณสามารถติดต่อเราเพื่อดู DEMO ได้ที่ Contact Us
หรือสอบถามข้อมูลต่างๆ เพิ่มเติมได้ตามช่องทางด้านล่าง
โทร 0633253640 หรือ 02-6863000 ต่อ 3042
Email: support@aresth.co.th
