โรงงานชิ้นส่วนรถยนต์ไต้หวันก้าวสู่ยุค EV:
เปลี่ยนผ่านสู่โรงงานอัจฉริยะด้วย MES

 

ด้วยกระแสความนิยมของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่กำลังมาแรง โรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ในไต้หวันต้องปรับตัวเพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเป็นการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ทั่วไปหรือชิ้นส่วนเฉพาะสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า การนำระบบ MES มาใช้ถือเป็นกุญแจสำคัญในการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน

ความซับซ้อนของการผลิตรถยนต์และมาตรฐานสากล

การผลิตรถยนต์หนึ่งคันต้องอาศัยกระบวนการผลิตที่ซับซ้อนและหลากหลาย ตั้งแต่การผลิตชิ้นส่วนย่อยไปจนถึงการประกอบสุดท้าย โดยแต่ละชิ้นส่วนผลิตจากวัสดุที่แตกต่างกัน เช่น เหล็ก พลาสติก ยาง และต้องผ่านการทดสอบคุณภาพอย่างเข้มงวด เพื่อให้ได้รถยนต์ที่ปลอดภัยและมีคุณภาพ

มาตรฐานสากลสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์

เพื่อให้มั่นใจว่ารถยนต์ที่ผลิตออกมาตรงตามมาตรฐานความปลอดภัยและคุณภาพสากล อุตสาหกรรมยานยนต์จึงมีการกำหนดมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง เช่น:

  • มาตรฐานสำหรับระบบไฟฟ้ารถยนต์: AEC-Q100, AEC-Q101, AEC-Q102, AEC-Q104, AEC-Q200, ISO 26262
  • มาตรฐานระบบการจัดการคุณภาพ: ISO/TS 16949


    บทบาทของระบบ MES ในการผลิตยานยนต์

ระบบ MES (Manufacturing Execution System) มีบทบาทสำคัญในการบริหารจัดการกระบวนการผลิตให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด โดยช่วยในการ:

  • ติดตามและควบคุมกระบวนการผลิต: ตั้งแต่การวางแผนการผลิต การจัดการวัสดุ จนถึงการตรวจสอบคุณภาพ
  • รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล: เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
  • รองรับการผลิตที่หลากหลาย: ทั้งรถยนต์ทั่วไปและรถยนต์ไฟฟ้า

โซลูชันการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัลสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์

ARES ได้พัฒนาระบบ ciMES เพื่อช่วยให้องค์กรในอุตสาหกรรมยานยนต์สามารถเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีแผนงานที่แบ่งออกเป็น 2 ขั้นตอน ดังนี้

1. สร้างรากฐานที่แข็งแกร่งสู่การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลในภาคอุตสาหกรรม

การเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัลในภาคอุตสาหกรรมจำเป็นต้องมีการวางรากฐานที่แข็งแกร่ง โดยเริ่มจากการสร้างมาตรฐานการทำงานภายในให้ชัดเจนเสียก่อน หากองค์กรยังไม่มีมาตรฐานที่ชัดเจน เช่น การไม่มีการรับรองมาตรฐาน ISO หรือ IATF 16949 การนำระบบดิจิทัลมาใช้จะไม่เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เนื่องจากขาดหลักอ้างอิงที่ชัดเจนในการเปลี่ยนแปลง

เหตุผลที่ต้องสร้างมาตรฐานก่อน:

  • เพิ่มประสิทธิภาพการใช้ระบบ: เมื่อมีมาตรฐานที่ชัดเจน การนำข้อมูลเข้าสู่ระบบดิจิทัลจะทำได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว
  • สร้างความโปร่งใส: ข้อมูลที่ได้จากระบบดิจิทัลจะถูกต้องและเชื่อถือได้ สามารถนำไปใช้ในการตัดสินใจทางธุรกิจได้
  • รองรับการทำงานร่วมกัน: ระบบดิจิทัลสามารถเชื่อมโยงกับระบบอื่นๆ เช่น ERP ได้อย่างราบรื่น
  • รองรับการเปลี่ยนแปลง: เมื่อมีการปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิต ระบบดิจิทัลสามารถปรับตัวได้ง่ายขึ้น
ARES_การผลิตอุตสาหกรรมยานยนต์สู่ดิจิทัลด้วย MES.jpg
การประยุกต์ใช้แผนงานสร้างแพลตฟอร์มดิจิทัลสำหรับการบริหารงานที่แม่นยำด้วยระบบ ciMes

 

2. การปรับเปลี่ยนสู่ระบบดิจิทัลอย่างเป็นขั้นเป็นตอน

หลังจากสร้างมาตรฐานแล้ว องค์กรควรวางแผนการปรับเปลี่ยนสู่ระบบดิจิทัลอย่างเป็นขั้นเป็นตอน โดยเริ่มจากการนำระบบดิจิทัลมาใช้ในส่วนที่สำคัญและเห็นผลได้ชัดเจนก่อน เช่น การผลิต การจัดการคลังสินค้า และค่อยๆ ขยายไปยังส่วนอื่นๆ ขององค์กร

ARES_การประยุกต์ใช้แผนงานอัจฉริยะเพื่อเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัล.jpg

แนวทางการประยุกต์ใช้แผนงานอัจฉริยะเพื่อเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัล

 

ระบบ ciMES: ผู้ช่วยในการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล

ระบบ ciMES สามารถช่วยให้องค์กรในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์เปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยช่วยในการ:

  • เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต: ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลและการปรับปรุงกระบวนการผลิต
  • ลดต้นทุน: โดยการลดการสูญเสียและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร
  • เพิ่มความยืดหยุ่น: สามารถปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้อย่างรวดเร็ว

ติดต่อเรา
คุณสามารถติดต่อเราเพื่อดู DEMO ได้ที่ Contact Us
หรือสอบถามข้อมูลต่างๆ เพิ่มเติมได้ตามช่องทางด้านล่าง 
โทร 0633253640 หรือ 02-6863000 ต่อ 3042
Email: support@aresth.co.th